10 August 2011

“The Da Vinci Code” แดน บราวน์ (Dan Brown)

The Da Vinci Code  เป็นหนังสือนวนิยายเรื่องแรก ที่นุ้ยได้หยิบขึ้นมาอ่าน และอ่านจบ ภายใน2-3 วัน
เหมื่อนจะใช้เวลานานใช้มั้ย  แต่ไม่ใช่เลย  นุ้ยใช้เวลาว่างที่เหลือจากการเรียน ตอนอยู่ มหาลัย  มาอ่าน
เล่มนี้ ซื้อมาเก็บไว้ ก็นานมาก  ซื้อในงานสัปดาห์ห้องสมุด ที่ ม.เชียงใหม่  ด้วยราคาลด 10 % จำไม่ได้แล้วว่าซื้อมาในราคาเท่าไร
ซื้อมาดองไว้ประมาณ เดือน 2 เดือน แล้วกลับมาอ่าน  เนื้อเรื่อง น่าตื่นเต้นมาก  อ่าน จนไม่อยากว่างเลย


ยิ่งอ่านยิ่ง ทำให้เชื่อว่า เรื่องราวในหนังสือ มันเป็นเรื่องจริง เหมือนตัวเราหลุดไปอยู่กับ ตัวละครนั้นๆ
เป็นเรื่องราว ที่อ้างอิงความรู้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่  วิทยาศาสตร์ ศาสนา ก็ถ้วน อ้างอิงจากของจริง
แต่อิงแอบ แบบนิยายบ้าง  และเรื่อง ที่เชื่อมโยงของพระเยซูที่ทำให้เราต้องทึ้ง  โอ้โห้ อ่านแล้วเชื่อว่า เรื่องพระเยซุ ในเรื่องนี้  มันเป็นเรื่องจริง   ก็คิกอยู่เหมือนกันว่าผู้เขียนเอาเรื่องจริงมาเขียนรึป่าวววว หว้า    แต่งเรื่องได้เนี่ย   ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ก็ไปเซิร์ทข้อมูลเพิ่มเติ่ม  จาก The last supper อาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู 
เฮ้อหากจะให้เล่าเรื่องของ เรื่องนี้ ก็คงจะไม่รู้เรื่องเท่าไร  เพราะเป็นคนที่ เรียบเรียงอะไรๆไม่ค่อยได้……..

หลังจากที่อ่านเรื่อง รหัสลับดาวินชี่จบแล้ว   เราก็ติดตามนิยาย ของแดนบราวน์  เรื่องที่ 2 คือ เทวดา  ซาตาน วู้ๆๆ เรื่องนี้ก็สนุกใช่เล่น
ต่อบล๊อกหน้าละกัน

เป็นประวัติโดยย่อของ แดนบราวน์
-----------------------------------------------------------
แดน บราวน์ - วิกิพีเดีย
: แดน บราวน์ (อังกฤษ: Dan Brown) นักเขียนชาวอเมริกัน ที่เป็นที่รู้จักอย่างมากในผลงานนิยายสืบสวนสอบสวนอิงประวัติศาสตร์อย่าง รหัสลับดาวินชี

ประวัติ

แดน บราวน์ เกิดเมื่อ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2507 เติบโตมาในเมืองเอ็กซีเตอร์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นลูกคนโตในพี่น้อง 3 คน แม่เป็นนักดนตรีอาชีพ เล่นดนตรีในโบสถ์ พ่อของเขา Richard G. Brown เป็นครูสอนคณิตศาสตร์โรงเรียนมัธยมที่ Phillips Exeter Academy
เนื่องจาก Phillips Exeter Academy ต้องการให้อาจารย์ใหม่ที่มาสอนต้องอาศัยในตัวโรงเรียนด้วย ครอบครัวของเขาจึงต้องอาศัยที่ Phillips Exeter Academy นั่นเอง และเขาเองก็ศึกษาชั้นมัธยมที่นี่ด้วย
แดน บราวน์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก Amherst College and Phillips Exeter Academy เอกสาขาภาษาสเปนและอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2529 หลังจากจบการศึกษา เขาผันตัวมาเป็นนักดนตรีสมัครเล่น ทำอัลบั้มเพลงสำหรับเด็กขายได้ไม่กี่ร้อยแผ่น ต่อมาในปี พ.ศ. 2534 เขาก็ย้ายไปลอสแอนเจลิส เข้าทำงานกับวิทยาลัยประพันธ์เพลงแห่งชาติ ได้พบกับ บลิธ นิวลอน (Blythe Newlon) รุ่นพี่ผู้หญิงที่แก่กว่าเขา 12 ปี ซึ่งเป็นผู้อำนวยการแผนกพัฒนาศิลปินของวิทยาลัย แม้งานในหน้าที่จะไม่เกี่ยวข้องกันโดยตรงแต่นิวลอนก็ช่วยโปรโมตงานต่างๆ ของบราวน์ จนพัฒนาความสัมพันธ์กลายเป็นความรักแม้คนรอบตัวจะไม่รู้
ปี พ.ศ. 2536 บราวน์ย้ายกลับมานิวแฮมป์เชียร์พร้อมนิวลอน ที่บ้านเกิดที่นิวแฮมป์เชียร์ บราวน์เป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนเก่าที่เคยร่ำเรียนและสอนภาษาสเปนให้นักเรียนเกรด 6-8 ที่โรงเรียนเล็กๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2537 เกิดจุดเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เขากลายมาเป็นนักเขียน เมือเขาไปพักผ่อนที่ตาฮิติและได้อ่านนิยายเรื่อง "แผนโลกาวินาศ (The Doomsday Conspiracy)" ผลงานของ ซิดนีย์ เชลดอน (Sidney Sheldon) และเขาคิดว่าเขาสามารถเขียนเรื่องได้ดีกว่า นั่นเป็นจุดกำเนิดให้เขาลงมือเขียนนิยายเรื่องแรกของเขา ล่ารหัสมรณะ (Digital Fortress) และในปีเดียวกันนั้นเอง บราวน์ได้ออกซีดีเพลงในชื่อ "Angels & Demons" ซึ่งภาพหน้าปกอัลบั้มเป็นภาพแอมบิแกรม ฝีมือศิลปินนาม จอห์น แลงดอน (John Langdon) ที่ภายหลังชื่ออัลบั้มกลายเป็นชื่อนิยายเล่มที่สองของเขา เทวากับซาตาน (Angels & Demons) และได้นำเอาชื่อศิลปินที่วาดภาพปกอัลบั้มมาเป็นชื่อตัวละครเอกของเรื่อง
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2539 บราวน์เลิกสอนและกลายมาเป็นนักเขียนอาชีพเต็มตัว บราวน์และนิวลอนเข้าพิธีแต่งงานในปี พ.ศ. 2540 จวบจนกระทั่งปีต่อมา พ.ศ. 2541 ผลงานนิยายเล่มแรกของเขา ล่ารหัสมรณะ (Digital Fortress) ก็เสร็จสมบูรณ์และได้ตีพิมพ์จำหน่าย และบราวน์ก็ออกผลงานมาอีก 2 เรื่องคือ เทวากับซาตาน (Angels & Demons) ในปี พ.ศ. 2543 และเรื่อง แผนลวงสะท้านโลก (Deception Point) ในปี พ.ศ. 2544


ผลงาน 3 เรื่องแรก คือ ล่ารหัสมรณะ (Digital Fortress) , เทวากับซาตาน (Angels & Demons) และ แผนลวงสะท้านโลก (Deception Point) ขายได้น้อยกว่าหมื่นเล่มในฉบับพิมพ์ครั้งแรก จนกระทั่งเรื่อง รหัสลับดาวินชี (The Da Vinci Code) ที่ออกมาในปี พ.ศ. 2546 ทำให้ชีวิตนักเขียนรายนี้เปลี่ยนไป รหัสลับดาวินชีกลายเป็นหนังสือติดอันดับหนังสือขายดีของนิวยอร์กไทมส์ตั้งแต่อาทิตย์แรกที่วางจำหน่าย และเป็นหนึ่งในหนังสือขายดีตลอดกาล ด้วยยอดขาย 60.5 ล้านเล่มทั่วโลกในปีนี้ และถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์
และผลจากความโด่งดังของรหัสลับดาวินชี ส่งผลให้ผลงาน 3 เรื่องแรกของบราวน์กลับมามียอดจำหน่ายสูงอีกครั้ง และผลงานเรื่องเทวากับซาตาน ก็กำลังกลายเป็นภาพยนตร์ตามมา มีกำหนดฉายในปี พ.ศ. 2552 และตอนนี้บราวน์ได้เขียนนิยายเรื่องใหม่ชื่อ The Lost Symbol กำหนดวางจำหน่ายในเดือนกันยายนปีเดียวกัน
ผลงาน



  • 1. Digital Fortress
    (ล่ารหัสมรณะ)

    (พ.ศ. 2541)



  • 2. Angels & Demons
    (เทวากับซาตาน)

    (พ.ศ. 2543)



  • 3. Deception Point
    (แผนลวงสะท้านโลก)

    (พ.ศ. 2544)



  • 4. The Da Vinci Code
    (รหัสลับดาวินชี)

    (พ.ศ. 2546)